E-APIC : Asia Pacific Innovation Center - The Leading Organization and Leadership Development Center

   โอกาสเกิดขึ้นได้เสมอแม้แต่ในวิกฤต ถ้าผู้นำสามารถที่จะตระหนักถึงสัญญานของสภาวะและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงก่อนคนอื่น สามารถขับพลังแห่งอัจฉริยภาพขององค์กรที่ซ้อนเร้นอยู่ภายด้วยการตั้งเป้าหมายที่ทรงพลังตลอดจนสามารถสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ใหม่ในองค์กรเพื่อร่วมสร้างความสามารถของการแข่งขันรองรับโอกาสใหม่ที่เกิดขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
   ในภาวะวิกฤตในปัจจุบันผู้บริหารขององค์กรชั้นนำต่างตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงในทุกระดับขององค์กรเพื่อสร้างกระบวนการปรับตัวและตั้งศูนย์องค์กรเพื่อพร้อมรับการแข่งขันในมิติใหม่ ผู้เขียนเองได้รับเชิญให้ไปจัดหลักสูตร “ กลยุทธ์การสร้างผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง” โดยใช้หลักการที่เรียกว่า C-H-A-N-G-E นั่นก็คือ

C - Create sense of urgency (ตระหนักความเร่งด่วนและความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง)
   การมองและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงและสามารถมองเห็นช่องว่างของโอกาสในความไม่ต่อเนื่องทางธุรกิจนั้นเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอันดับแรกของผู้นำ ถ้าผู้นำสามารถมองเห็นสัญญาณของคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังจะก่อให้เกิดวิกฤตก่อนคนอื่น เข้าใจช่องว่างของการเปลี่ยนแปลงและสร้างความพร้อมของตัวเองก่อนคนอื่นก็จะก่อให้เกิดการได้เปรียบในเวลาเกิดความผกผันทางธุรกิจ ปกติและมนุษย์เราจะยึดติดกับความสำเร็จที่อยู่ในอดีตและมักจะมีอัตตาทที่ีทำให้เราไม่ได้เห็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเปรียบได้กับการทดลองที่เราได้ยินกันบ่อยๆก็คือ “กบร้อน กบเย็น” ถ้าเราจับกบไปแช่นำ้เย็นแล้วค่อยๆเพิ่มอุณภูมิของการเปลี่ยนแปลงที่ละองศา กบจะรื่นรมย์แต่จะไม่ได้ตระหนักถึงสัญญาณอันตรายของความร้อนที่กำลังเพิ่มขี้นและตายไปในที่สุด ต่างกับกบที่ถูกจับไปใส่ในนำ้ร้อน เมื่อสัมผัสกับความร้อนกบจะกระโดดหนีตายและจะรอดในที่สุด

H - Hear the strategic heartbeat (ค้นหาและพัฒนาพลังแห่งอัจฉริยภาพขององค์กร)
   เมื่อองค์กรสามารถตระหนักถึงธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ภายนอกจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงแต่ในขณะเดียวกันก็ตั้งหมั่นหันกลับมามองการค้นหาและพัฒนาขีดความสามารถและพลังแห่งอัจฉริยภาพซึ่งเป็นหัวใจหลักขององค์กรที่สามารถจะตอบสนองความเปลี่ยนแปลงภายนอกที่เกิดขึ้นตลอดเวลา องค์กรชั้นนำที่ตระหนักถึงความสำคัญในการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงจะใช้แบบสอบถามที่เรียกว่า Multi-Dimension Intelligence Profile Assessment (MIP) เพื่อค้นหาความถนัดเชิงอัจฉริยภาพขององค์กรที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาตลอดจนตระหนักถึงความสามารถขององค์กรที่ใช้มากเกินไปแต่เราไม่ได้มีแต้มต่อในการแข่งขันมากนัก หลายองค์กรจะทำการทดสอบสมรรถนะของความเก่งนี้ทุกปีเพื่อให้มั่นใจว่าเราได้วางพิมพ์เขียวในการพัฒนาความถนัดเชิงอัจฉริยภาพได้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

A - Architect change blueprint (วางพิมพ์เขียวของการเปลี่ยนแปลง)
   พิมพ์เขียวของการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ผู้นำจะต้องมีในการเปลี่ยนศาสตร์ให้เป็นศิลป์ในการบริหารการเปลี่ยนแปลงเพื่อวางรากฐานของการปรับเปลี่ยนทั้งด้านอารมณ์ ทักษะ กระบวนการและการใช้เทคโนโลยี่ ถ้าพิมพ์เขียวได้ถูกวางอย่างมีระบบจะต้องสามารถตอบคำถามของทุกระดับในองค์กรได้ว่าพิมพ์เขียวของการเปลี่ยนแปลงจะสามารถสร้าง ความท้าทาย ความเชื่อมั่น คำมั่นสัญญาและความกล้าให้กับทุกระดับในองค์กรด้วยหัวใจเต็ม 100 เพื่อสร้างพิมพ์เขียวใหม่นี้ร่วมกัน

N - Nurture change ambassador (การเพาะบ่มผู้นำการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ใหม่)
   การจะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจำเป็นต้องมีผู้นำที่เป็นต้นแบบที่มีความถนัดและความชอบที่สอดคล้องกับความสามารถใหม่ที่ต้องการ การเลือกสรร เพาะบ่มและพัฒนาให้ถูกกับแรงขับพื้นฐานและแรงบันดาลใจเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลง ถ้าพิมพ์เขียวดีแต่ไม่สามารถจะสร้างผู้นำต้องแบบได้มากและเร็วพอจะเป็นข้อจำกัดขององค์กรในการสร้างความเร็วในการเปลี่ยนแปลง

G - Generate short term win (สร้างชัยชนะของการเปลี่ยนแปลง)
   การสร้างชัยชนะเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมของการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงต้นของการเปลี่ยนแปลงเป็นการสร้างพลังขับเคลื่อนของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญยิ่ง หลายองค์กรมองข้ามปัจจัยสำคัญนี้ทำให้พลังส่งของการออกสตาร์ทการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไม่สามารถสร้างโมเมนตัมในการขับเคลื่อนแรงพอทำให้แรงต้านของการเปลี่ยนแปลงมีผลสะท้อนกลับ ผู้นำจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างผลงานที่จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างภาพความสำเร็จเพื่อเป็นแรงขับให้เกิดแรงบันดาลใจในการก้าวข้ามแรงต้่านของการเปลี่ยนแปลง

E - Enhance organization best practices (การสร้างความเป็นเลิศในการเปลี่ยนแปลง)
   เมื่อเราสามารถสร้างแรงส่งในการเปลี่ยนแปลงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องวางระบบและรูปแบบของการเรียนรู้พัฒนาและสามารถที่จะรวมรวมนวัตกรรมของการเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็นความสามารถของการแข่งขันที่เป็นเลิศอย่างแท้จริง การเรียนรู้จากทั้งภายในและภายนอกจะเป็นตัวสร้างความเก่งในการเปลี่ยนแปลงเพื่อสร้างความสามารถในการปรับตัวและความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริงในระยะยาว ถ้าองค์กรสามารถสร้าง C-H-A-N-G-E ให้เกิดเป็นจิตสำนึกแก่ผู้นำในทุกระดับขององค์กรจะทำให้องค์กรก้าวไปสู่ยอดคลื่นของการเปลี่ยนแปลงในวิกฤตนี้แน่นอน