ความสำเร็จไม่ใช่กุญแจของความสุขเสมอไป แต่ความสุขเป็นพื้นฐานที่สำคัญของความสำเร็จ ผู้นำหลายคนกำลังหลงทาง มุ่งหน้าสู่ “ความสำเร็จ” โดยลืมหยุดคิดและถามตัวเองว่า เส้นทางเดินของชีวิตจำเป็นต้องเลือกระหว่างความสุขหรือความสำเร็จหรือไม่ เป็นไปได้ไหม ถ้าเราสามารถกระตุ้นต่อมสุขใจในการเดินทางไปแสวงหาความสำเร็จ เราก็จะสามารถสร้างสุขร่วมไปกับความสำเร็จมิใช่ทางสองแพร่งที่ต้องเลือกอีกต่อไป
ในการเป็นผู้นำในองค์กรที่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ช่องว่างระหว่างความรักในสิ่งที่มีความสุขใจกับหน้าที่ที่รับผิดชอบมักจะสร้างความเครียดให้เกิดขึ้นใน ถ้าความเครียดสูงกว่าความสามารถในการบริหารอารมณ์ อาการ Burn-out, Midlife Crisis หรือวิกฤตของทางสองแพร่งในการเลือกทางเดินของชีวิตมักจะเกิดขึ้นเสมอ
ผู้เขียนเป็นที่ปรึกษาของผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก บริษัทเติบโตและเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ มีรถเบนซ์รุ่นใหม่ประจำตำแหน่ง ปลูกบ้านริมสนามกอล์ฟ แต่วันหนึ่งคุณหมอบอกให้ผู้บริหารท่านนี้เข้านอนโรงพยาบาลเพราะความดันโลหิตสูงมาก คุณหมอกล่าวว่า “ถ้าไม่เปลี่ยนวิถีการทำงานใหม่ ความเครียดจะฆ่าคุณแน่นอน”
ผู้บริหารบอกผู้เขียนว่า “เส้นทางเดินสู่ความสำเร็จเปรียบเสมือนทางสองแพร่ง ถ้าได้มาถึงความสำเร็จก็ดูเหมือนเราจะเสียความสุขและจิตวิญญาณของตัวเราไป”
ผู้เขียนจึงได้ร่วมกับผู้บริหารสร้างพิมพ์เขียวของการใช้ชีวิตใหม่ในการขับเคลื่อนต่อมสุขใจที่อยู่ภายในโดยใช้หลักการที่เรียกว่า S-M-I-L-E นั่นก็คือ:
S - Self awareness: รู้จักและชื่นชมต่อมสุขใจ หยุดที่จะค้นหาต่อมสุขใจที่ทำให้เราสามารถใช้ศักยภาพที่แท้จริงบนความสุขใจที่เรารัก ผู้บริหารท่านนี้ชอบการวางวิสัยทัศน์เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แต่ปัจจุบันต้องก้มหน้าก้มตาช่วยลูกค้าแก้ปัญหา ที่สำคัญคือสิ่งที่สร้างความสุขคือการมองวิสัยทัศน์ใหม่ๆกลับไม่ได้ใช้ แต่จะใช้ต่อมเครียดในการแก้ปัญหาซะเป็นส่วนมาก ยิ่งคุณใช้ต่อมเครียดมากเท่าไหร่ มลพิษทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นในร่างกายก็จะสั่งสมมากขึ้นเท่านั้น ในทางกลับกันถ้าเรารู้จักและชื่นชมสิ่งที่ได้จากการใช้ต่อมสุขใจ เราก็จะสั่งสมความสุขใจมากขึ้น
M - Manage emotion : รู้จักบริหารความสุข ถ้าคุณรู้จักและชื่นชมต่อมสุขใจและเราบริหารอารมณ์ในการใช้สิ่งที่เรามีความสุขมากกว่าสิ่งที่เราเครียด เราก็จะสร้างอารมณ์บวกสะสมให้ตัวเราก่อนกลับบ้านทุกวัน ผู้บริหารท่านนี้หลังจากรู้จักต่อมสุขใจและต่อมเครียดและกลับมาคุยกับผู้เขียนว่าในช่วงความดันโลหิตขึ้นสูงมากเขาจะสมความเครียดในการพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเองเพิ่มขึ้นทุกวันจนร่างกายรับไม่ได้ก็เป็นผลทางสุขภาพขึ้นมา
I - Innovative inspiration : รู้จัสร้างสรรค์วิถีแห่งความสุข ผู้บริหารท่านนี้จึงมาจัดระเบียบชีวิตใหม่โดยสร้างพิมพ์เขียวในการบริหารเส้นทางสู่ความสำเร็จบนการรู้จักใช้ศักยภาพของต่อมความสุข เพิ่มบทบาทของตัวเองในการออกรู้จักความต้องการของลูกค้าคนสำคัญเพื่อสร้างโอกาสและวิสัยทัศน์ทางการตลาดให้เพิ่มขึ้น ทุกวันที่ได้ใช้ต่อมความสุขในวิถีทางเดินใหม่ การทวีคูณในการสั่งสมความสุขก็เพิ่มขึ้นตลอดเวลา
L - Listen with head and heart : รู้จักฟังเสียงของความสุขของคนรอบข้าง ถ้าผู้นำองค์กรสามารถฟังด้วยสมองและหัวใจว่าคนที่อยู่รอบข้างเรามีต่อมสุขใจและต่อมเครียดอะไร เราสามารถไม่ใช่แค่มอบหมายงานคนให้ตรงกับทักษะเท่านั้นแต่ยังถูกใจในการทำสิ่งที่มีความสุขด้วย ผู้เขียนช่วยจัดหลักสูตรเพื่อค้นหาต่อมสุขใจและต่อมเครียดของทีมงานของผู้บริหารท่านนั้นและพบว่าทีมงานของเขาหลายคนมีต่อมสุขใจในการแก้ปัญหาซึ่งถ้าผู้บริหารท่านนั้นสามารถมอบหมายงานแก้ปัญหาให้กับทีมงานได้ เขาก็จะเอาความเครียดออกจากตัวและนำความสุขใจมาสู่ทีมงานมากขึ้น
E - Enhance social skills : รู้จักต่อยอดความสุข ผู้บริหารท่านนี้เมื่อเข้าใจต่อมสุขใจของทีมงานและสร้างบรรยากาศหล่อหลอมกระบวนการในการต่อยอดความสุข เขาก็สามารถจะเน้นงานในการออกตลาดสร้างวิสัยทัศน์ซึ่งเป็นงานที่ไปกระตุ้นต่อมสุขใจและเป็นงานเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับผู้นำระดับสูงและปล่อยงานแก้ปัญหาประจำวันให้แก่ลูกน้องที่รู้ใจไปทำ ทำให้เกิดการต่อยอดความสุขในทุกฝ่าย
ผู้บริหารกล่าวกับผู้เขียนหลังจากประยุกต์ใช้หลักการ S-M-I-L-E กับชีวิตการบริหารว่า “หลักการ S-M-I-L-E ช่วยผมไม่เพียงแต่กระตุ้นให้พบกับความสุขใจและเป็นผู้นำแห่งรอยยิ้มแต่ยังช่วยต่อยอดความสุขกับครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อร่วมงานและลูกค้าคนสำคัญอีกด้วย”
โดย อาจารย์กฤษณ์ รุยาพร E-mail : kris@e-apic.com, Mobile 081-617-7785
บทความได้รับการเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์